(1) พระจิตตหัตถ์เจ้า บวชสึกอยู่เจ็ดครา เพ่งพินิจภรรยา ประจักษ์โสดาแล้ (2) พระจิตตหัตถ์เจ้า คิดถึงซึ่งภรรยา (3) สุดท้ายเพ่งพินิจ ซากศพดูช่างเหมือน (4) ซาบซึ้งซึ่งไตรลักษณ์ ครั้งเจ็ดสุดท้ายนั้น (5) เพียรเพ่งเผากิเลส อรหัตต์ท่านสร้างเสริม (6) ภิกษุผู้เพื่อนพ้อง เหตุใดครานี้ท่าน (7) คราก่อนมีเครื่องข้อง บัดนี้เครื่องพันธนา (8) ภิกษุต่างดำริ กราบทูลพระพุทธองค์ (9) ธรรมบท ธ ทรงตรัส ตรัสถึงซึ่งปัญญา (10) แส่ส่ายฟุ้งซ่านไป ปัญญามิอาจตรง (11) แต่ผู้อันราคะ ละทั้งบุญบาปสูญ (12) วัตถุกามกิเลส อันตรายต่อพรหมจรรย์ (13) เพราะเหตุท่านละแล้ว ตื่นรู้อยู่ทุกครา | เถรา ยุ่งแท้ ดุจซาก ศพเฮย หลีกพ้นมลทิน ฯ บวชแล้วเล่าอยู่เจ็ดครา ลาสิกขาออกสู่เรือน แม่หลับสนิทไม่บิดเบือน มิอาจเอื้อนเอ่ยครามครัน โสดามรรคบรรลุพลัน ไม่อาจหันกลับทางเดิม ประหารเหตุอย่าเหิมเกริม บรรลุเพิ่มจบพรหมจรรย์ ต่างจดจ้องถามไถ่กัน ไม่สึกพลันเหมือนก่อนมา จึงจำต้องลาสิกขา อาตมาปลดแอกลง ท่านอุตริมนุสธรรมคง ตถาคตทรงเปล่งวาจา ภาษิตชัดในมรรคา ผู้จิตนั้นไม่มั่นคง ความเลื่อมใสไม่หยั่งลง พระสัทธรรมคงไม่บริบูรณ์ แลโทสะไม่พอกพูน กิเลสมูลไม่ติดพัน ไม่เป็นเหตุเภทภัยอัน ผัสสะนั้นเพียงกิริยา ไม่อาจแผ้วภัยพาลมา นี้ธรรมาแห่งพุทธธรรม |
ปัญญาของคนที่จิตไม่มั่นคง ไม่รู้พระสัทธรรม
มีความเลื่อมใสเลื่อนลอย ย่อมไม่บริบูรณ์
ภัยย่อมไม่มีแก่ผู้ที่จิตไม่ชุ่มด้วยราคะ
โทสะไม่กระทบ ละบุญละบาปได้แล้ว ตื่นอยู่
เก็บความจาก
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท จิตตวรรคที่ ๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น