วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

พระอรหันต์ผู้บวชแล้วสึก 7 ครั้ง

(1) พระจิตตหัตถ์เจ้า
บวชสึกอยู่เจ็ดครา
เพ่งพินิจภรรยา
ประจักษ์โสดาแล้

(2) พระจิตตหัตถ์เจ้า
คิดถึงซึ่งภรรยา

(3) สุดท้ายเพ่งพินิจ
ซากศพดูช่างเหมือน

(4) ซาบซึ้งซึ่งไตรลักษณ์
ครั้งเจ็ดสุดท้ายนั้น

(5) เพียรเพ่งเผากิเลส
อรหัตต์ท่านสร้างเสริม

(6) ภิกษุผู้เพื่อนพ้อง
เหตุใดครานี้ท่าน

(7) คราก่อนมีเครื่องข้อง
บัดนี้เครื่องพันธนา

(8) ภิกษุต่างดำริ
กราบทูลพระพุทธองค์

(9) ธรรมบท ธ ทรงตรัส
ตรัสถึงซึ่งปัญญา

(10) แส่ส่ายฟุ้งซ่านไป
ปัญญามิอาจตรง

(11) แต่ผู้อันราคะ
ละทั้งบุญบาปสูญ

(12) วัตถุกามกิเลส
อันตรายต่อพรหมจรรย์

(13) เพราะเหตุท่านละแล้ว
ตื่นรู้อยู่ทุกครา


เถรา
ยุ่งแท้
ดุจซาก ศพเฮย
หลีกพ้นมลทิน ฯ

บวชแล้วเล่าอยู่เจ็ดครา
ลาสิกขาออกสู่เรือน

แม่หลับสนิทไม่บิดเบือน
มิอาจเอื้อนเอ่ยครามครัน

โสดามรรคบรรลุพลัน
ไม่อาจหันกลับทางเดิม

ประหารเหตุอย่าเหิมเกริม
บรรลุเพิ่มจบพรหมจรรย์

ต่างจดจ้องถามไถ่กัน
ไม่สึกพลันเหมือนก่อนมา

จึงจำต้องลาสิกขา
อาตมาปลดแอกลง

ท่านอุตริมนุสธรรมคง
ตถาคตทรงเปล่งวาจา

ภาษิตชัดในมรรคา
ผู้จิตนั้นไม่มั่นคง

ความเลื่อมใสไม่หยั่งลง
พระสัทธรรมคงไม่บริบูรณ์

แลโทสะไม่พอกพูน
กิเลสมูลไม่ติดพัน

ไม่เป็นเหตุเภทภัยอัน
ผัสสะนั้นเพียงกิริยา

ไม่อาจแผ้วภัยพาลมา
นี้ธรรมาแห่งพุทธธรรม



ปัญญาของคนที่จิตไม่มั่นคง ไม่รู้พระสัทธรรม

มีความเลื่อมใสเลื่อนลอย ย่อมไม่บริบูรณ์

ภัยย่อมไม่มีแก่ผู้ที่จิตไม่ชุ่มด้วยราคะ

โทสะไม่กระทบ ละบุญละบาปได้แล้ว ตื่นอยู่


เก็บความจาก
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท จิตตวรรคที่ ๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น